หลังจากฟังตอนที่ 1 กันไปแล้วเป็นงายบ้าง อยากฟังต่อกันอ่าดิ อิอิ มาฟังเรื่องต่อไปกันเลยจ้า
1. “พระบรมรูป 2 รัชกาล”
เป็นพระบรมรูปที่เป็นที่เคารพสักการะ
ของชาวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและบุคคลทั่วไป
เป็นพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)
และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่6)
ซึ่งมหาวิทยาลัยนี้ได้ใช้พระนามของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
และผู้สถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบรมรูป 2 รัชกาลนี้เป็นที่เคารพสักการะของนิสิตจุฬาลงกรณ์เป็นอย่างมาก
โดยที่หากนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคนใด เดินเข้ามาในบริเวณมหาวิทยาลัย
และผ่านพระบรมรูป 2 รัชกาลนี้ จะพนมมือไหว้ เพื่อเป็นสิริมงคล
ทั้งในเวลาที่เข้ามหาวิทยาลัยและออกจากมหาวิทยาลัย
นอกจากนี้ถ้าหากใครมีเรื่องต้องการบนบานศาล
กล่าวก็มักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับผลการสอบของนิสิตนั่นเอง
เช่น ขอให้เกรดเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม , ขอให้ผลการเรียนไม่มี F ,
ขอให้ไม่ตกมีน (ค่ากลางของคะแนนแต่ละรายวิชา) เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีนักเรียนที่ต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
เพื่อเข้าเป็นนิสิตแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็จะไปบนบาน
กับพระบรมรูปของทั้ง 2 รัชกาล สิ่งที่มีการนำมาใช้บูชาพระบรมรูป 2 รัชกาลนี้
จะเป็น “ดอกกุหลาบสีชมพู” เพราะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงโปรดปรานดอกกุหลาบสีชมพูเป็นอย่างมาก
จึงมีการนำดอกกุหลาบสีชมพูมาใช้เป็นสิ่งที่ใช้ในการบูชา
2. “ศาลพระภูมิ หอพักนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”
ศาลพระภูมินี้จะเป็นที่สักการะบูชาของชาวหอพักนิสิตนี้ได้ตั้งขึ้น
พร้อมกับหอพักนิสิต โดยเฉพาะสำหรับนิสิตชั้นปีที่ 1ที่ผ่าน
ประเพณีการรับน้องใหม่รุ่นพี่จะพาน้องๆมาไหว้ศาลแห่งนี้
เพื่อความเป็นศิริมงคล และเป็นการแสดงการฝากตัว
ประกอบกับความเคารพให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง
เมื่อเข้ามาอยู่ในหอพักนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เมื่อเดินผ่านศาลพระภูมิไม่ว่าจะเข้าหรือจะออกจาก
หอพักนิสิตนิสิตจะไหว้แสดงความเคารพเสมอ
3. “ ศาลหลวงชัยอัศวรักษ์ คณะสัตวแพทยศาสตร์”
หลวงชัยอัศวรักษ์เป็นชื่อของคณบดีคนแรกของคณะสัตวแพทยศาสตร์
ซึ่งท่านเป็นที่สักการะของนิสิตในคณะนี้มาก หลังจากนั้น
ท่านได้เสียชีวิตลงจึงตั้งศาลขึ้นที่คณะเพื่อเป็นที่เคารพบูชาของชาวคณะ
4. “ศาลพระภูมิ คณะรัฐศาสตร์”
เป็นศาลที่ตั้งขึ้นมาพร้อมกับการแรกเริ่มตั้งคณะรัฐศาสตร์
ซึ่งเล่ากันว่าในอดีตเจ้าที่ในบริเวณนี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก
จนถึงกับต้องตั้งศาลเพิ่มขึ้นพร้อมกันถึง 5 ศาล
ต่อมาจึงลดจำนวนลงเหลือเพียงศาลเดียว ปัจจุบันศาลนี้เป็นที่สักการะของชาวรัฐศาสตร์
เมื่อถึงประเพณีการรับน้องใหม่รุ่นพี่จะนำรุ่นน้องมาสักการะ ณ ศาลแห่งนี้
5.“ต้นไทรใหญ่ ที่ลานไทร คณะรัฐศาสตร์”
เมื่อมีการนำผ้าไปผูกที่โคนต้นไม้ก็มักจะเข้าใจกันว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเคารพสักการะ
หรือเคยมีปาฏิหารย์เกิดขึ้น โดยที่ต้นไทรคณะรัฐศาสตร์นี้เพิ่งจะมีการผูกผ้าสีได้ไม่นานนัก
คือ ไม่ได้เริ่มตั้งแต่ก่อตั้งคณะซึ่งตั้งมากว่า 51 ปีแล้ว คนที่มาผูกผ้านี้ เข้าใจว่า
คงเป็นนิสิตของคณะที่เคยบนบานกับต้นไม้นี้หรือพูดลอยๆกับต้นไม้นี้ ว่า
ถ้าหากสอบผ่านแล้วจะเอาผ้าสีมาผูกต้นไม้
แล้วสอบผ่านจริงๆ ก็เลยมีการเอาผ้าสีไปผูกต้นไทร
อีกทั้งต้นไทรมีขนาดใหญ่และมีอายุมากจึงเป็นของศักดิ์สิทธิ์ไปโดยปริยาย
6. “สัญลักษณ์ Rx คณะเภสัชศาสตร์”
อยู่ข้างลานบ่อน้ำพุตึกเภสัชเก่า ห้ามไม่ให้นิสิตเดินข้ามสัญลักษณ์นี้
เพราะถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธ์ของคณะ
7. “สถ” ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
จะมีสัญลักษณ์ "สถ" ในคณะ ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำคณะ
และห้ามนิสิตข้ามหรือเดินเหยียบ เนื่องจากสัญลักษณ์ของคณะ
ถือว่าศักดิ์สิทธิ์และยังมีการห้ามเหยียบ "ถุง" ที่คณะนี้อีกด้วย
8. “ใบชงโค”
เป็นสัญลักษณ์ของคณะอักษรศาสตร์
จึงมีข้อห้ามไม่ให้เด็ดใบชงโค มิฉะนั้นจะโดนไล่ออก
9. “ลาน 4 เสาเทวาลัย”
ที่ 4 เสาเทวาลัยของคณะอักษรศาสตร์ที่เกิด
เพราะเป็นการสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ตึกเก่าตึกหนึ่งของคณะอักษรศาสตร์
จะห้ามนิสิตขึ้นไปนั่งเล่น นอกจากจะใช้ในพิธีการสำคัญ
เช่น ประเพณีการรับน้องใหม่ หรือ การบูม 4 ทิศ เป็นต้น
ความคิดเห็น