http://piyako.igetweb.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com
 

 หน้าแรก

 เกี่ยวกับเจ้าของเว็บ

 รวมรูปภาพ

 เว็บบอร์ด

สถิติ

เปิดเว็บ20/03/2007
อัพเดท09/09/2023
ผู้เข้าชม479,313
เปิดเพจ592,111

ปฎิทิน

« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    

บริการ

ดูหนัง
ฟังเพลง
เกมส์
ข่าวสาร
ติดต่อเรา

เรื่องน่ารู้

10 สถานที่อันตรายของโลก (บรึ๋ย)

45 เรื่องแปลกแต่จริงบนโลก

17 สถานที่ที่ไม่น่าจะมีในโลก

6 วิธีหาเงินแบบหน้าด้านในประวัติศาสตร์

6 โศกนาฏกรรมของแฟชั่นหรูยุคโบราณ

5 สถานที่ท่องเที่ยวสยองขวัญของญี่ปุ่น

10 สุดยอดนักออกแบบของญี่ปุ่น

อยากชวนมาอ่าน "ต้นไม้ใต้โลก"

10 สุดยอดอัจฉริยะของโลก

ปรากฎการณ์ไฟลุกทั่วตัว

เด็กเขียวจากโลกอื่น?

พาลินโดรม

ชีวประวัติของ Rembrandt

หมีน้ำ สัตว์อึดที่ซู้ดดดดดดด

เรื่องลึกลับในจุฬา ตอนที่ 3 - จบ -

เรื่องลึกลับในจุฬา ตอนที่ 2

เรื่องลึกลับในจุฬา ตอนที่ 1

สมญานามของโลก

เรื่องของผู้ชาย & ผู้หญิง

ดอกไม้แต่ละดอกมีความหมายนะ...จะบอกให้

10 สุดยอดคำสาปของโลก

เ รื่ อ ง น่ า คิ ด ข อ ง ไ อ ส ไ ต น์

เรื่องลับๆ ฉบับเด็กมหาลัย

ชีวิตพอเพียงของมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก Warren Buffet วอร์เรน บัพเฟตต์

10 อันดับตัวละครแห่งความอาฆาตแค้นจากโลกภาพยนต์

10 อันดับ ดาวน่าพิศวง ในจักรวาล

iGetWeb.com
AdsOne.com

เด็กเขียวจากโลกอื่น?

เด็กเขียวจากโลกอื่น?


สองคนจูงมือพากันเดินออกมาจากโพรงในพื้นดิน

                ความลึกลับของเด็กสองคนที่มีผิวกายสีเขียว ถูกยึดถือเป็นข้อพิสูจน์เรื่องมิติที่สี่ โดยนักวิจัยทางวิญณาญและภูตผีปีศาจ นิยายปรัมปราก็ดี การถือโชคลางก็ดี และการบิดเบือนความจริงก็ดี อาจจะบดบังความจริงเสีย แต่ข้อเท็จจริงยังคงมีอยู่ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถอธิบายได้ ซึ่งอุบัติขึ้นที่เชิงเขาประเทศสเปน วันหนึ่งในค.ศ. 1887

                บ่ายวันหนึ่งแห่งเดือนสิงหาคม ค.ศ.1887 เด็กสองคนจูงมือกันเดินออกมาจากถ้ำแห่งหนึ่งที่เชิงผาใกล้หมู่บ้านบานโฮเซ ในประเทศสเปน เข้าไปในนาซึ่งคนงานกำลังเก็บเกี่ยวกันอยู่ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นราว 90 ปีมาแล้วก็จริง แต่ก็มีผู้ที่มีชีวิตอยู่หลายคนซึ่งยังจำเหตุการณ์นั้นได้ดี ไม่ต้องสงสัยเลย อาจมีการเล่าเกินความจริงไปบ้าง และอาจบิดเบือนความจริงไปบ้างก็ได้ แต่ข้อเท็จจริงอันเป็นมูลฐานของเรื่องนี้ที่รู้สึกว่าไม่สามารถโต้แย้งได้ก็คือ เด็กสองคนนั้นเดินออกมาจากปากถ้ำอย่างปราศจากอาการหวาดกลัวจริงๆ ทั้งสองคนพูดภาษาที่แปลกและกระท่อนกระแท่น กับทั้งเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มก็ประกอบด้วยวัสดุที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

                และที่ประหลาดที่สุดก็คือ...ผิวกายเป็นสีเขียวขจี นับเป็นเรื่องประหลาดมหัศจรรย์ ปราศจากเหตุผลแต่ก็ไม่ต้องการคำอธิบาย แม้กระนั้นนักวิจารณ์เกี่ยวแก่ภูตผีปีศาจก็ปักใจเชื่อว่า บางทีอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่มีคุณค่าที่สุดเท่าที่พวเขาเคยได้รับเกี่ยวแก่มิติที่สี่ โลกซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับโลกของเรา เป็นแดนสนธยาซึ่งเด็กสองคนนั้นรอดพ้นออกมาได้ จะด้วยวิธีหนึ่งวิธีใดก็ตาม

                ทฤษฎีก็คือว่า เด็กสองคนนี้ตกเข้าไปในของเหลวหรือก๊าซในอวกาศ เหมือนดังคนที่ตกลงไปในโพรงน้ำแข็งและไม่สามารถกลับออกมา จึงได้เข้าไปสู่ที่ราบของมิติที่สาม แล้วเลยเข้าไปในมิติที่สี่ และไม่สามารถกลับมาได้

                ประหลาดมหัศจจรย์หรือ? อาจเป็นไปได้ แต่ในบรดาทฤษฎีทั้งหมดที่นำมาพิจารณาเกี่ยวแก่การปรากฏตัวของเด็กที่ผิวกายสีเขียวนี้ ก้เป็นทฤษฎีเดียวเท่านั้นที่พอจะนำมาอธิบายได้เป็นซ้ำสอง

                ในไม่ช้า หลังจากปรากฏการณ์นี้  นักบวชรูปหนึ่งเดินทางจากบาร์เซโลนาเพื่อทำการสอบสวน นักบวชรูปนั้นได้เห็นเด็กทั้งสอง และได้ซักถามประจักษ์พยาน และต่อมาก็ได้เขียนรายงานขึ้นไว้ ความว่า

                "อาตมาประหลาดใจมากที่มีประจักษ์พยานรู้เรื่องมากมาย จนต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเข้าใจ และคลี่คลายได้ด้วยอำนาจแห่งสติปัญญา"

                พวกชาวนาที่เกี่ยวข้าวกำลังพักผ่อนรับประทานอาหารกลางวันกันอยู่ เมื่อเด็กประหลาดคู่นั้นปรากฏตัวขึ้นที่ปากถ้ำบนเชิงเขา ทั้งสองมีอาการเงอะงะร้องไห้โฮออกมาอย่างเปิดเผย และที่ประหลาดมากก็คือทั้งสองคนมีผิวกายสีเขียวเข้ม

                ด้วยความไม่เชื่อ คนทำงานพากันวิ่งกรูเข้าไปหาเด็กสองคนนั้น ฝ่ายเด็กก็ตื่นตกใจและออกวิ่ง ผู้คนเลยแตกตื่นวิ่งไล่ตาม ในที่สุดก็ตามทันและจับตัวไว้ได้นำไปที่หมู่บ้าน

                ทั้งสองคนถูกนำตัวไปที่บ้านของริคาร์โด ดา คาลโน ผู้ซึ่งเป็นทั้งนคราภิบาล และเจ้าของที่ดินคนสำคัญของหมู่บ้าน

                ดา คาลโนพยายามพูดจากับเด็กคู่นั้น ส่วนตนอื่นๆ โผล่หน้าต่างดู เขาจับมือขวาของเด็กผู้หญิงยกขึ้นดู ปรากฏว่าสีเขียวติดแน่น จึงต้องเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อของผิวกายอย่างไม่ต้องสงสัย

                เด็กคนนั้นดึงมือกลับ แล้วร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว เจ้าของบ้านจัดอาหารมาวางลงบนโต๊ะตรงหน้าเด็กทั้งสอง แต่เด็กก็ไม่รับประทาน หยิบขนมปังขึ้นมาถือไว้แล้วหยิบผลไม้ แต่ก็เพียงมองดูด้วยความแปลกใจ ไม่ยอมเอามันเข้าไปใกล้ปาก

                ดา คาลโนพยายามสังเกตดูรูปร่างของเด็กทั้งสอง แม้ว่าจะมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ธรรมดา แต่ใกล้ไปทางเผ่าพันธุ์นิกรอยด์เล็กน้อย นัยน์ตากลมเหมือนผลมะนาว และลึก

                เด็กทั้งสองพักอยู่ในบ้านนั้น 5 วัน ไม่กินอะไรเลยจนสังเกตเห็นได้ว่าอ่อนเพลีย ไม่ทราบว่าอาหารอะไรจึงจะเป็นที่พึงใจเขาทั้งสอง

                มีรายงานฉบับหนึ่งกล่าวว่า "ได้มีการนำเอาถั่วที่ตัดหรือเด็ดจากต้นเข้ามาในบ้าน ปรากฏว่าเด็กทั้งสองกรากเข้าหยิบเอาไปฉีกอย่างตะกรุมตะกราม แต่ไม่ยักฉีกที่ฝัก กลับไปฉีกที่ลำต้น คงเข้าใจว่าเม็ดถั่วอยู่ในโพรงลำต้น

                "เมื่อไม่พบอะไร เด็กทั้งสองก็ตั้งต้นร้องไห้อีกครั้งแล้วใครคนหนึ่งจึงฉีกฝักถั่วให้ดู เมื่อนั้นแหละ ทั้งสองจึงดีใจมาก และกินถั่วเข้าไปตั้งมากมาย และตั้งนั้นมาก็ไม่ยอมแตะต้องอาหารอื่นใดอีกเลย"

                แต่การอดอาหารมาหลายวันดูเหมือนจะเป็นอันตรายแก่เด็กทั้งสองนั้นอย่างร้ายแรง ทั้งๆที่ได้กินถั่วแล้วเด็กผู้ชายก็อ่อนเพลียลงเรื่อยๆ จนในที่สุดได้ถึงแก่กรรมลง หลังจากมาที่ปรากฏตัวได้ที่นั่นหนึ่งเดือน ศพของเขาก็ได้ถูกฝังไว้ในสุสานของหมู่บ้าน

                อย่างไรก็ตามส่วนเด็กหญิงกลับแข็งแรงดี และทำหน้าที่เป็นคนรับใช้อยู่ในบ้านของ ดา คาลโน ผิวกายที่เป็นสีเขียวค่อยๆจางลง และเป็นคนแปลกประหลาดของหมู่บ้านน้อยลง หลังจากนั้น 2-3 เดือนเธอก็พูดภาษาสเปนได้บ้าง จึงสามารถให้ถ้อยคำชี้แจงแก่ดา คาลโนได้ถึงเรื่องราวในการมาของเธอ แต่แม้กระนั้นก็ยังทำให้ความลึกลับที่มีอยู่แล้วกลับมีมากยิ่งขึ้น

                เธอบอกว่าเธอมาจากดินแดนแห่งหนึ่งซึ่งมีมีพระอาทิตย์ขึ้น และมีแสงสนธยาอยู่เสมอเป็นนิจ "มีดินแดนที่มีแสงสว่างแลเห็นอยู่ห่างไกลจากเรา แต่ถูกสกัดกั้นโดยธารน้ำที่กว้างมาก" เธอบอก

                ต่อคำถามที่ว่าทั้งสองคนมาสู่พิภพของเราได้อย่างไร เธอตอบได้แต่เพียงว่า "มีเสียงหนึ่งดังมากขึ้น และเสียงนั้นเองที่ตรึงจิตใจของเรา เราจึงมาตามเสียงนั้นและได้พบตัวเองมาอยู่ในทุ่งนาที่กำลังมีการเก็บเกี่ยว"

                นั่นคือเรื่องราวทั้งหมดที่เธอเล่าให้ฟัง และบางทีเธออาจทราบทั้งหมดเพียงเท่านั้นเอง เด็กผู้หญิงมีวิตอยู่อีกห้าปี แล้วเธอเองก้ตายตามไปอีกคนนึ่ง ศพของเธอถูกฝังไว้เคียงข้างกับศพพี่(หรือน้อง) ชายของเธอ

                นับเป็นเรื่องราวที่ประหลาดมหัศจรรย์ มันเป็นเรื่งปรัมปราที่เล่ากันมาในอดีต เป็นเรื่องโกหกหลอกลวงหรือเป็นเรื่องที่เล่ากันให้แปลกและตื้นเต้นสืบต่อกันมาลายชั่วคนกระนั้นหรือ?

                แต่ถึงอย่างไร เอกสารต่างๆ ก็ยังคงมีอยู่พร้อมด้วยถ้อยคำให้การของบรรดาประจักษ์พยาน ที่ได้สาบานตนว่าจะพูดความจริงและล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ได้สัมผัสเนื้อตัวมนุษย์ประหลาดซึ่งจูงมือกันเดินออกมาจากโพรงในพื้นดินทั้งสิ้น

                มีทฤษฏีหลายอย่างที่เกี่ยวแก่เรื่องนี้ อาทิเช่น เด็กนั้นอาจมาจากดาวอังคาร ดวงดาวซึ่งเย็นลงแล้วและที่เชื่อกันว่าพันธุ์ไม้ที่อาจเป็นสีน้ำเงิน หรือสีเขียวขจีเหมือนผิวกายของเด็กทั้งสอง อย่างที่พบในตอนสูงๆของภุเขาแอลป์ส์

                แต่ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ทำให้นักวิทยาศาสตร์ทราบถึงสิ่งมีชีวิตที่ใต้พื้นพิภพว่ามีจริงและเคยโผล่ออกมาให้เห็นจากโพลงลึกลงไปในดินมาแล้ว

http://xchange.teenee.com/index.php?s=be6d12580d31f848d6d1104282cecd68&showtopic=14406&pid=239512&st=0&#entry239512

เด็กเขียวจากโลกอื่น?

ความคิดเห็น

  1. 1
    วนัชพร
    วนัชพร benz_thefram@hotmail.com 25/12/2010 19:50
    ไม่รู้เรื่องเลย
  2. 2
    วนัชพร
    วนัชพร benz_thefram@hotmail.com 25/12/2010 19:50
    ไม่รู้เรื่องเลย
  3. 3
    ชนะโชค
    ชนะโชค ufo@himail.com 21/06/2011 11:23
  4. 4
    คนสวย
    คนสวย patrapon.loneygail.teptip@gmail.com 01/10/2011 10:50
    ไม่เชื่อหรอกว่ามี โกหก ชัดๆ!!!~
  5. 5
    Tone
    Tone 23/04/2012 13:19

    ผมเชื่อว่ามีจริงเพราะบางอย่างวิทยาศาสตร์ของเราก็ยังก้าวหน้าไปไม่ถึงเลยยังพิสูจน์ไม่ได้

  6. 6
    om
    om 05/09/2012 21:45

    ถูกครับ รอโลกก้าวหน้าอีก 100ปี ก็คงได้รู้กันละครับ พวกเราคงไม่ยุละ

  7. 7
    จิดาภา
    จิดาภา jidapa2233@gmail.com 29/09/2012 20:34

    มีจริง เรื่องนี้ดูได้ที่ หนังส์อของอิ๊กกี้ ชื่อเจาะตำนานมนุษย์ต่างดาว

แสดงความคิดเห็น

* *

 

*

view
view